หูฟังโทรศัพท์ มีกี่ประเภท และแบบไหนเหมาะกับคุณ ? - บทความจาก ALL ONLINE

หูฟังโทรศัพท์ มีกี่ประเภท และแบบไหนเหมาะกับคุณ ดีไหม!!


นอกจากสมาร์ตโฟน หูฟังโทรศัพท์ ยังนับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักพบไปไหนมาไหนด้วยเสมอ เพื่อใช้ฟังเพลงที่ชอบ ฟังพอดแคสต์ หรือคุยกับคู่สายได้สะดวกยิ่งขึ้น

 

pijarQ.jpg


ในปัจจุบันสมาร์ตโฟนจะเปรียบได้กับอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนหนึ่งของมนุษย์ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนสมาร์ตโฟนต้องติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ ซึ่งนั่นรวมไปถึงอุปกรณ์เสริม อย่าง ‘หูฟังโทรศัพท์’ ที่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาดหลากหลายแบบ จนใคร ๆ ต่างเลือกซื้อไม่ถูกกันเลยทีเดียว ดังนั้น ในวันนี้เราขออาสาพาคุณไปดูกันว่า หูฟังโทรศัพท์ที่วางขายตามท้องตลาดนั้นมีกี่ประเภท และแบบไหนตอบโจทย์คุณมากที่สุด เนื่องจากหูฟังแต่ละชนิด ย่อมมีจุดเด่น-จุดด้อยแตกต่างกันออกไปนั่นเอง เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย !!

 

หูฟังโทรศัพท์ มีกี่ประเภท และแต่ละแบบมีจุดเด่น-จุดด้อยอย่างไร ?


โดยทั่วไปแล้ว หูฟังที่ผู้คนนิยมใช้กับสมาร์ตโฟนนั้นมีด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ หูฟังเอียร์บัด, หูฟังแบบเสียบหู และหูฟังแบบ Headphone (Full-Size) ซึ่งรายละเอียดของหูฟังแต่ละแบบ มีดังต่อไปนี้

 

1. หูฟังโทรศัพท์แบบเอียร์บัด (Earbuds)


เรียกได้ว่า เป็นหูฟังที่ปฏิวัติวงการเครื่องเสียงในยุคสมัยหนึ่งเลยทีเดียว โดยนิยมกันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 1980 ในแบรนด์ Sony Walkman เรื่อยมาจนกระทั่งกลายเป็นอุปกรณ์เสริม ที่มักจะแถมมากับ iPhone ซะเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งจุดเด่นของหูฟังโทรศัพท์ประเภทเอียร์บัดอยู่ที่ ความสามารถในการเก็บรายละเอียดที่ดี ให้เสียงค่อนข้างโปร่ง ฟังสบายหู แต่จะไม่สามารถกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ โดยเราสามารถมองได้สองแง่สองง่าม เพราะการที่ขณะใส่หูฟังโทรศัพท์แล้วยังได้ยินเสียงจากภายนอกอยู่ ย่อมทำให้ผู้สวมใส่รู้ตัวและสามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนจุดด้อยข้ออื่น ๆ ก็คือ เมื่อใส่ไปนาน ๆ จะรู้สึกเจ็บใบหู แถมยังหลุดง่ายขณะเคลื่อนไหวร่างกายไปมาอย่างรวดเร็วนั่นเอง

 

2. หูฟังโทรศัพท์แบบเสียบหู (In-ear)


หูฟังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากสะดวกสบายในการพกพา รวมถึงความสามารถในการกันเสียงรบกวนจากภายนอกที่ดีเยี่ยม ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากจุกยาง (มีให้เลือกใช้หลายขนาด) ที่ถูกเสียบเข้ารูหูอย่างพอดิบพอดี แถมยังหลุดออกจากใบหูยากอีกด้วย
โดยจุดเด่นของหูฟังโทรศัพท์แบบเสียบหูอยู่ที่ ความสามารถในการรายละเอียดได้อย่างชัดเจนและครบครันกว่าแบบเอียร์บัด (Earbuds) ทั้งยังตัดเสียงรบกวนภายนอกได้เป็นอย่างดี ทว่าจุดด้อยของหูฟังชนิดนี้อยู่ที่ความปลอดภัยของผู้สวมใส่ เพราะด้วยความที่เราไม่สามารถได้ยินเสียงจากภายนอก ประกอบกับเสียงดนตรีดัง ๆ จึงอาจทำให้ผู้สวมใส่เผอเรอจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้อย่างง่ายดาย

 

 

3. หูฟังโทรศัพท์แบบ Headphone (Full-Size)


มาถึงหูฟังประเภทสุดท้ายกันแล้วกับ หูฟังที่มีประวัติยาวนานและคนส่วนใหญ่ชอบเรียกว่า ‘หูฟังคาดหู’ โดยในปัจจุบันทางผู้ผลิตพัฒนาอุปกรณ์เสริมชิ้นนี้ออกมา 2 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้
หูฟังโทรศัพท์ On-ear หรือหูฟังแนบหู
มีขนาดเล็กลงกว่าปกติเพราะไม่จำเป็นต้องครอบทั้งใบหู ซึ่งขณะสวมใส่ฟองน้ำจะแนบกับใบหูอย่างพอดิบพอดี โดยจุดเด่นของหูฟังโทรศัพท์ On-ear อยู่ที่ เสียงที่กว้างขวางและสามารถพกพาได้สะดวกเพราะน้ำหนักเบา นอกจากนี้ยังสามารถกันเสียงจากภายนอกได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย แต่เมื่อใส่ไปนาน ๆ ก็อาจทำให้ผู้สวมร้อนใบหู หรือทำให้มีเหงื่อออกมากบริเวณใบหูได้ด้วยเหมือนกัน
หูฟังโทรศัพท์ Over-ear หรือหูฟังครอบหู
นัก Audiophile มักชื่นชอบหัวฟังประเภทนี้อย่างหัวปักหัวปำ เนื่องจากตัวอุปกรณ์สวมใส่สบาย สามารถใส่ฟังนาน ๆ ได้ และให้เสียงที่เป็นธรรมชาติหรือสมจริงได้มากกว่าหูฟังโทรศัพท์ประเภทอื่น ๆ แต่จะไม่ค่อยเหมาะในการพกพาซักเท่าไหร่ เนื่องจากหูฟังมีขนาดใหญ่ ยกเว้นกับบางรุ่นที่ผลิตออกมาสำหรับการพกพาโดยเฉพาะ

 

สรุป


หูฟังโทรศัพท์ในปัจจุบันมีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ หูฟังแบบเอียร์บัด แบบเสียบหู และแบบ Headphone โดยแบบไหนจะเหมาะกับคุณที่สุดนั้น คุณจำเป็นต้องลองสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะหูฟังแต่ละประเภทมีจุดเด่น-จุดด้อย ความสะดวกในการพกพา รวมถึงความสบายหูขณะสวมใส่แตกต่างกันไป
ส่วนใครที่รู้แล้วว่าตนเองเหมาะกับหูฟังโทรศัพท์ประเภทไหน ก็สามารถเข้ามาช้อปกันที่ All Online by 7-Eleven ได้แล้ววันนี้ !! All Online ห้างใกล้บ้าน website!!

ไขความลับของแป้งเด็ก ที่ไม่ได้มีดีแค่ทาผิวกาย - บทความจาก ALL ONLINE

ไขความลับของ ‘แป้งเด็ก’ ที่ไม่ได้มีดีแค่ทาผิวกาย ดีไหม!!


‘แป้งเด็ก’ ไม่ได้มีดีแค่ทาบนผิวกาย เพื่อป้องกันการเสียดสีหรืออาการระคายเคืองผิวเท่านั้น หากแต่ตัวผลิตภัณฑ์ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายที่คุณอาจยังไม่รู้

 

piE2ZW.jpg


เป็นที่รู้กันดีว่า ‘แป้งเด็ก’ มีไว้ทาบนผิวกายของลูกน้อย เพื่อลดแรงเสียดสีของผิวหนัง ลดการสะสมความชื้น รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดผื่นคันได้อีกด้วย แต่ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้นั่นก็คือ แป้งสำหรับเด็กสามารถนำมาใช้กับสถานการณ์อื่น ๆ ในชีวิตประจำวันได้นั่นเอง และในวันนี้เราจะพาคุณไปไขความลับของ ‘แป้งเด็ก’ กัน โดยผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะสามารถใช้ประโยชน์ในด้านใดได้บ้างนั้น เราไปหาคำตอบกันเลย !

 

ใช้ดับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ในรองเท้า


การใส่รองเท้าแบบปิด เช่น รองเท้าบูทหรือรองเท้าผ้าใบเดินไปไหนมาไหนเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้เท้าเกิดความอับชื้นจนเกิดเป็นกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งนอกจากการสวมถุงเท้าทุกครั้งที่ใส่รองเท้าประเภทปิดแล้ว อีกหนึ่งวิธีคือให้คุณโรยแป้งเด็กในรองเท้าก่อนใช้งานเป็นประจำ ซึ่งตัวผลิตภัณฑ์ข้างต้นมีฤทธิ์ช่วยลดการเกิดกลิ่นอับชื้นอันไม่พึงประสงค์ลงได้

 

ป้องกันคราบเหงื่อบนเสื้อผ้า


ก่อนรีดเสื้อผ้าหลังซักทำความสะอาดเสร็จ คุณอาจลองโรยแป้งเด็กบริเวณคอเสื้อและใต้วงแขนเสื้อดู เนื่องจากตัวผลิตภัณฑ์สามารถช่วยป้องกันคราบเหงื่อที่ติดตามเสื้อผ้าขณะสวมใส่ได้นั่นเอง นอกจากนี้ว่ากันว่ายังทำให้บริเวณเหงื่อออกมากไม่เป็นคราบเหลืองติดตามเสื้อผ้าอีกด้วย

 

ใช้ขจัดคราบมันจากอาหารบนเสื้อผ้า


อีกหนึ่งทริคเกี่ยวกับเสื้อผ้า ที่แป้งเด็กสามารถเอื้อประโยชน์ให้ได้นั่นคือ การกำจัดคราบซอสหรือน้ำมันที่หกเลอะเทอะมาโดนเสื้อผ้า โดยขั้นแรกให้คุณโรยแป้งเด็กบนคราบสกปรก นำไปขยี้เบา ๆ แล้วนำไปซักทำความสะอาด เพียงเท่านี้คราบมันก็จะหลุดออกจากเสื้อผ้าอย่างง่ายดายแล้ว

 

ใช้แต่งหน้าร่วมกับเมคอัพชื้นอื่น ๆ


ส่วนใหญ่แป้งเด็กจะถูกใช้ชโลมบนตัวลูกน้อย แต่อันที่จริงเราสามารถทาแป้งบนหน้าได้ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ต้องการเซตเมคอัพ ควบคุมความมันบนผิวหน้า หรืออยากให้ขนตาดูยาวและหนาเป็นแพ ก็สามารถใช้แป้งเด็กทาหลังรองพื้นเสร็จได้เลย

 

ใช้ลดความมันบนหนังศีรษะและบนเส้นผม


หากใครที่ไม่ได้สระผมเป็นประจำ หนังศีรษะและเส้นผมจะเกิดความมันจนทำให้ทรงผมดูลีบแบนไป ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขหน้างานได้ด้วยการโรยแป้งเด็กบนศีรษะ จากนั้นให้ใช้มือสางผมกระจายแป้งไปทั่วศีรษะ โดยวิธีนี้จะช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ รวมถึงทำให้เส้นผมดูมีวอลลุ่มไม่ลีบแบนอย่างที่เคยเป็น

 

ใช้คลายสร้อยคอที่พันกันจนยุ่งเหยิง


สายสร้อยที่พันกันใช่ว่าใครจะแก้ปมกันได้ง่าย ๆ นอกเสียจากคุณจะมีตัวช่วยชั้นดีอย่าง แป้งเด็ก อยู่ใกล้ตัว โดยให้คุณนำสร้อยคอที่พันกันลงไปแช่น้ำในถ้วย จากนั้นเทแป้งลงไป ซึ่งความลื่นของแป้งเด็กจะช่วยให้สร้อยคลายปมออกจากกันได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

สรุป


เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คุณคงจะรู้ความลับของผลิตภัณฑ์ ‘แป้งเด็ก’ ไม่ได้มีดีแค่ทาบนผิวกาย เพื่อป้องกันการเสียดสีหรืออาการระคายเคืองผิวเพียงอย่างเดียว หากแต่คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้มากมายหลากหลายวิธี เช่น ใช้ดับกลิ่นในรองเท้า, ป้องกันคราบเหงื่อบนเสื้อผ้า, ใช้ลดความมันบนหนังศีรษะและบนเส้นผม เป็นต้น
โดยหากคุณต้องการสั่งซื้อแป้งเด็กสำหรับลูกน้อย หรือเพื่อลองนำไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ข้างต้นดูละก็ เข้ามาช้อปกับเราที่ All Online by 7-Eleven ได้เลย รับรองว่า คุ้มทั้งราคาสินค้าและค่าจัดส่งถึงบ้านอย่างแน่นอน ลดจัดหนัก..จัดเต็ม!! All Online ห้างใกล้บ้าน get more info!

5 อุปกรณ์ทำสวน ที่คนปลูกผักออแกนิคกินเองควรมี - บทความจาก ALL ONLINE

5 อุปกรณ์ทำสวน ที่คนปลูกผักออแกนิคกินเองควรมี ของแท้!!


การปลูกผักออแกนิคหรือปลูกผักสวนครัวจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ทำสวนเป็นสำคัญ เพื่อความสะดวก ความปลอดภัย รวมถึงช่วยให้งานประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี

 

piqmCz.jpg


เนื่องในปัจจุบันคนหันมาปลูกผักกินเองมากขึ้น และแน่นอนว่าที่นิยมไม่แพ้การผักสวนครัวเลยนั่นก็คือ การปลูกผักออแกนิค หรือผักปลอดสารเคมีทุกชนิด ที่แม้ว่าจะดูแลให้พ้นภัยจากศัตรูพืชได้ยาก แต่เมื่อนำมาประกอบอาหารเป็นเมนูจานเด็ดละก็ บอกเลยว่า สายรักสุขภาพต้องเป็นปลื้มสุด ๆ แน่นอน
แต่ก่อนที่จะไปเริ่มปลูกผักปลอดสารพิษเหล่านี้กัน เราจำเป็นต้องรู้จักกับ ‘อุปกรณ์ทำสวน’ ที่คนปลูกผักออแกนิคกินเองเขามีไว้ใช้กัน โดยอุปกรณ์ทำสวนที่ว่าจะมีชิ้นไหนบ้างนั้น ตามไปดูกันได้เลย !!

 

1. ส้อมพรวนดิน


เป็นอุปกรณ์ที่ใช้พรวนดินบริเวณแปลงปลูกผักออแกนิค เพื่อป้องกันไม่ให้ดินจับตัวเป็นก้อนแข็ง ๆ จนน้ำไม่สามารถซึมผ่านชั้นดินไปเลี้ยงส่วนรากได้อย่างเต็มที่นั่นเอง ซึ่งขณะใช้งานควรระวังเป็นพิเศษ เพราะส้อมพรวนมีปลายแหลมคม จึงอาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้ นอกจากนี้ทุกครั้งหลังใช้เสร็จควรนำส้อมพรวนมาล้างทำความสะอาด ใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง และทาน้ำยากันสนิทก่อนจะเก็บอุปกรณ์เข้าที่ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นนั่นเอง

 

2. พลั่วพรวนดิน


ลักษณะคล้ายกับส้อมพรวนดินที่ใช้ในแปลงปลูกผักออแกนิค แต่พลั่วพรวนดินสามารถใช้เคลื่อนย้ายผักจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ อีกทั้งยังใช้พรวนดินได้อีกด้วย ซึ่งดินที่ได้จะร่วนซุยกำลังดี เวลารดน้ำแปลงปลูกผักออแกนิคดินจะอุ้มน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผักเจริญเติบโตได้เต็มที่ตามไปด้วย

 

3. คราดมือ


หากคุณปลูกผักออแกนิคในแปลงผักสวนครัว สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือ การใช้คราดมือเกลี่ยดินเพื่อเตรียมหน้าดินให้พร้อมสำหรับการปลูกผักต้นอ่อน หรือในกรณีที่พบว่ามีวัชพืชแทรกอยู่ใกล้ ๆ กับผักออแกนิคของเรา คุณสามารถใช้คราดมือกรุยวัชพืชเหล่านั้นออกได้อย่างง่ายดาย โดยหลังใช้คราดมือในแปลงปลูกผักออแกนิคเสร็จควรนำไปล้างทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันสนิมจับ

 

4. บัวรดน้ำ


ประโยชน์ของการใช้บัวรดน้ำคือ เพื่อป้องกันไม่ให้ผักออแกนิคบอบช้ำนั่นเอง เนื่องจากการปลูกผักออแกนิคจำเป็นต้องอาศัยความละเอียดอ่อน รวมถึงการดูแลรักษาอย่างทะนุถนอม ดังนั้น เราจะใช้สายฉีดน้ำทั่ว ๆ ไปไม่ได้เป็นอันขาด ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ปลูกผักออแกนิคมักจะใช้วิธีวางระบบน้ำเสียมากกว่า โดยเราสามารถเปิด-ปิด และกำหนดปริมาณน้ำได้ตามต้องการ เรียกได้ว่า สะดวกสุด ๆ ไปเลย

 

5. ถุงมือทำสวน


ไม่ว่าจะทำอะไรความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ โดยอุปกรณ์เซฟตี้สำหรับการทำสวนหรือปลูกผักออแกนิคนั้นคือ ‘ถุงมือทำสวน’ ที่มีความหนาเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บบริเวณมือและปลายนิ้วจากการใช้งานอุปกรณ์ทำสวนนั่นเอง

 

สรุป


การปลูกผักออแกนิคหรือปลูกผักสวนครัวต่างก็จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ทำสวนด้วยกันทั้งสิ้น โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมหน้าดินให้พร้อม การเคลื่อนย้ายผักออแกนิคต้นอ่อน รวมไปถึงการพรวนดินโดยรอบ ซึ่งงานที่ได้กล่าวมานี้ต้องอาศัยอุปกรณ์ทำสวนเข้าช่วย เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการปลูกผักออแกนิค ตลอดจนช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยหากคุณคิดจะปลูกผักออแกนิค แต่ยังไม่มีอุปกรณ์ทำสวนดี ๆ แล้วละก็ แวะมาช้อปกันได้ที่ All Online by 7-Eleven สิ เรามีโปรโมชันสุดคุ้มมากมาย ที่คนรักการปลูกผักทำสวนจะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด !! ลดแรง รับร้อน!!! All Online ห้างใกล้บ้าน website!!

ปัญหาเรื่องกลิ่นกายจะหมดไป เพียงคุณใช้ ‘โรลออนลดเหงื่อ’ - บทความจาก ALL ONLINE

ปัญหาเรื่องกลิ่นกายจะหมดไป เพียงคุณใช้ ‘โรลออนลดเหงื่อ’ พร้อมส่ง!!


กลิ่นกาย คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หนุ่มสาวหลายคนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง โดยปัญหานี้สามารถแก้ได้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายโดยเฉพาะ อย่าง โรลออนลดเหงื่อ

 

piUKOQ.jpg


หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หนุ่มสาวหลายคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองนั้น เกิดจากปัญหาเรื่องกลิ่นกายที่แม้ว่าจะพยายามใช้น้ำหอมกลบมากเท่าไหร่ก็แทบจะไม่เป็นผล ทว่าหากคุณเปลี่ยนมาใช้ ‘โรลออนลดเหงื่อ’ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลปัญหาเรื่องกลิ่นกายโดยเฉพาะแทนละก็ บอกเลยว่า ความมั่นใจของคุณจะกลับมาเต็มเปี่ยมได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ในวันนี้เราจึงจะพาคุณไปรู้จัก ‘โรลออนลดเหงื่อ’ ให้มากขึ้นสักหน่อยกันดีกว่า เพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการพิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายต่อไป เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว อย่ามัวรีรอ เราไปดูพร้อม ๆ กันเลย !

 

ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายมีกี่ชนิด ?


เนื่องจากปัญหาของแต่ละคนนั้นต่างกัน เช่น บ้างมีกลิ่นตัวแรงแต่เหงื่อน้อย หรือบ้างก็มีกลิ่นตัวแรงและเหงื่อมาก ดังนั้น ทางบริษัทผู้ผลิตจึงออกแบบผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายให้ตอบโจทย์ลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มมากที่สุด โดยโรลออนในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ โรลออนระงับกลิ่น (Deoderant) และโรลออนลดเหงื่อ (Antiperspirants) ซึ่งการทำงานของทั้งคู่นั้นเหมือนกันคือ ระงับกลิ่นกาย หากแต่จะต่างกันตรงที่ ‘การทำงาน’ ของผลิตภัณฑ์ ดังต่อไปนี้...
โรลออนระงับกลิ่นกาย (Deoderant) : เป็นเครื่องสำอางชนิดหนึ่ง โดยจะเน้นไปที่เรื่องการทำความสะอาดหรือเสริมความงามใต้วงแขน
โรลออนลดเหงื่อ (Antiperspirants) : ตัวยาที่ใช้ในการรักษา ซึ่งมีผลช่วยปรับสมดุลด้านโครงสร้างการทำงานของร่างกายเสียใหม่

 

โรลออนทั้ง 2 ชนิด เหมาะกับใครบ้าง ?


สำหรับ โรลออนระงับกลิ่นกาย แน่นอนว่าจะเน้นไปที่การลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เหมาะสำหรับคนที่มีเหงื่อน้อยแต่กลิ่นตัวค่อนข้างแรง โดยหลังใช้งานจะทำให้ใต้วงแขนมีภาวะเป็นกรด เพราะตัวผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีส่วนประสมของแอลกอฮอล์ และน้ำหอมสกัด ซึ่งสามารถใช้สยบแบคทีเรียใต้วงแขนไปพร้อม ๆ กับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
ส่วน โรลออนลดเหงื่อ จะเหมาะสำหรับคนที่เหงื่อออกเยอะและมีกลิ่นตัวแรง ซึ่งในผลิตภัณฑ์จมีส่วนผสมของสารอะลูมิเนียม คอลโรไฮเดรต (Aluminum Chlorohydrate) ทำหน้าที่ปิดรูขุมขนระงับเหงื่อ คุณจึงไม่ต้องคอยระวังตัวว่าเหงื่อจะออกมากจนอาจเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นได้ไปเปลาะหนึ่ง

 

ข้อควรระวังในการใช้โรลออนลดเหงื่อ ระงับกลิ่นกาย


หลังการใช้งานผลิตภัณฑ์ต้องคอยสังเกตว่า ตนเองมีอาการแพ้ส่วนผสมตัวใดตัวหนึ่งหรือไม่ เช่น ผิวหมองคล้ำขึ้น ระงับกลิ่นได้ไม่หมด หรือมีอาการคันหรือเป็นผื่นแดง เป็นต้น ซึ่งหากคุณพบอาการเหล่านี้ให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทันที ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

 

แนะนำการใช้โรลออนลดเหงื่อ ระงับกลิ่นกายอย่างถูกวิธี


เลือกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่เหมาะกับผิวของเรา
ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ต้องทำความสะอาดผิวใต้วงแขนอย่างดี
ทาโรลออนลดเหงื่อตอนผิวแห้ง
โรลออนลดเหงื่อควรทาก่อนนอน และไม่จำเป็นต้องทาทุกวัน
ทาให้ทั่วและรอจนกว่าจะแห้ง ผลิตภัณฑ์จึงจะออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่

 

สรุป


ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายนั้น มีด้วยกัน 2 ชนิด โดยหากคุณมีกลิ่นกายแรงแต่เหงื่อน้อย ให้เลือกใช้โรลออนระงับกลิ่นกาย แต่สำหรับใครที่มีกลิ่นตัวแรงและเหงื่อมาก แนะนำว่า ‘โรลออนลดเหงื่อ’ ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด นอกจากนี้การไม่ต้องคอยกังวลเรื่องกลิ่นกายยังช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากเลยทีเดียว ดังนั้น ถ้าใครยังไม่มี โรลออนลดเหงื่อ หรือแบบระงับกลิ่นกายไว้ใช้แล้วละก็ มาช้อปกันเลยที่ All Online by 7-Eleven เรามีสินค้าราคาเด็ดโดนใจอีกมากมายรอคุณอยู่ !! แจกโค้ดลดกระหน่ำ!!! All Online ห้างใกล้บ้าน website!!

5 ข้อดีของครีมนวดผมผู้ชายที่หนุ่ม ๆ ไม่ควรมองข้าม - บทความจาก ALL ONLINE

5 ข้อดีของครีมนวดผมผู้ชายที่หนุ่ม ๆ ไม่ควรมองข้าม - ครีมนวดผม ส่งฟรี!!


ครีมนวดผมไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมสำหรับผู้หญิงเท่านั้น หากแต่ยังมีครีมนวดผมผู้ชายด้วยเช่นกัน แถมยังผลิตภัณฑ์ช่วยบำรุงเส้นผมแบบรอบด้านอีกด้วย

 

pcSUz2.jpg


สำหรับสาว ๆ ที่มีผมยาวสลวยสวยเก๋แล้ว การใช้ครีมนวดผมร่วมกับแชมพูสระผมย่อมเป็นเรื่องธรรมดา และรู้หรือไม่ว่า หนุ่ม ๆ ที่ไว้ผมยาวก็สามารถใช้ครีมนวดผมผู้ชายได้ด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ตัวผลิตภัณฑ์ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายที่คุณผู้ชายอาจไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งครีมนวดผมผู้ชายจะให้อะไรกับคุณได้บ้างนั้น ในวันนี้เราจึงชวนหนุ่ม ๆ ทั้งหลายมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย !!

 

1. ครีมนวดผมช่วยลดประจุไฟฟ้าสถิตบนหนังศีรษะ


ในผลิตภัณฑ์ครีมนวดผมผู้ชายทุกชนิดจะมีประจุไฟฟ้าขั้วบวก และในขณะที่เราสระผมในแชมพูจะมีประจุไฟฟ้าขั้วลบ ดังนั้น เมื่อคุณใช้แชมพูสระผมแล้วตามด้วยครีมนวดผมทันที หรือขั้วบวกกับขั้วลบมาเจอกัน ผลที่ได้จึงกลายเป็นว่าไฟฟ้าสถิตบนหนังศีรษะและเส้นผมลดลง ทั้งยังช่วยปรับสมดุลของประจุขั้วบวกกับขั้วลบอีกด้วย เส้นผมเลยไม่ตั้งชี้ฟูจนเสียทรงนั่นเอง

 

2. ครีมนวดผมช่วยเพิ่มวอลลุ่ม ความเงางาม และเปล่งประกายของเส้นผม


ส่วนผสมของครีมนวดผมผู้ชายส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยสารให้ความชุ่มชื้นเป็นหลัก อาทิเช่น น้ำมัน, ซิลิโคน, สารลดแรงตึงผิวที่มีประจุเป็นบวก รวมถึงอีมอลเลียนท์ เป็นต้น โดยสารเหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทช่วยคืนความชุ่มชื้น และเติมเต็มส่วนที่ขาดไปหลังจากการใช้แชมพูชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากเส้นผม

 

3. ครีมนวดผมช่วยปกป้องเส้นผมจากมลพิษ


ขณะที่เราออกไปทำธุระนอกบ้านเส้นผมจะต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศมากมาย ซึ่งครีมนวดผมผู้ชายสามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ นั่นเป็นเพราะว่าตัวผลิตภัณฑ์ครีมนวดผมผู้ชายมีคุณสมบัติพิเศษในการรักษารอยแตกหักของเส้นผม ทั้งยังช่วยเคลือบเส้นผมเพื่อป้องกันความเปราะบาง และทำให้เส้นผมแข็งแรงไม่หักโคน แตกปลาย หรือขาดง่ายอีกด้วย

 

4. ครีมนวดผมผู้ชายช่วยให้คุณสามารถจัดทรงผมได้ง่ายยิ่งขึ้น


หลังการใช้ผลิตภัณฑ์ครีมนวดผมผู้ชายเพียง 3-5 นาที เส้นผมจะนุ่มลื่นเป็นเงางามสามารถจับหวีได้ง่ายไม่พันติดกัน ดังนั้น หนุ่ม ๆ ทั้งหลายจึงสามารถจัดแต่งทรงผมได้ตามต้องการและง่ายดายยิ่งขึ้น โดยที่ไม่มีปัญหาผมชี้ฟูหรือเส้นผมพันกันมากวนใจอีกเลย

 

5. ครีมนวดผมผู้ชายช่วยบำรุงเส้นผมที่เสียไปจากจัดแต่งทรง


ไม่ว่าคุณจะทำสีผม ดัดเป็นลอน ยืดผมให้ตรง หรือใช้ไดร์ลมร้อนเป่าผม วิธีต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายแก่เส้นผมทั้งสิ้น ดังนั้น หนุ่มสาวหลายคนจึงหันมาใช้ครีมนวดผมผู้ชายหลังแชมพูสระผม ซึ่งจะช่วยคืนความชุ่มชื้น รักษารอยแตกหัก และปกป้องเส้นผมจากการใช้สารเคมีสำหรับทำสีหรือดัดผมได้ในบางส่วน

 

สรุป


จากที่กล่าวมาคุณคงจะเห็นแล้วว่า ครีมนวดผมผู้ชายมีข้อดีอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ตัวผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายและผู้หญิงแทบจะมีคุณสมบัติไม่ต่างกันเลย นั่นคือ การคืนความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูรอยแตกหัก ลดประจุไฟฟ้าสถิต รวมถึงทำให้ผมเงางามและเป็นประกายกว่าที่เคย ฉะนั้น หากคุณพบว่าสุขภาพของเส้นผมเริ่มย่ำแย่ แนะนำให้ลองใช้ครีมนวดผมผู้ชายหลังแชมพูไปสักระยะ รับรองว่า เส้นผมจะกลับมาแข็งแรงและชุ่มชื้นดังเดิมได้อย่างแน่นอน
ส่วนหนุ่ม ๆ คนไหนที่กำลังมองหาช่องทางการสั่งซื้อครีมนวดผมผู้ชาย ที่ทั้งจ่ายค่าสินค้าง่ายและมีบริการจัดส่งฉับไวถึงที่หมายอยู่ละก็ มาช้อปกันได้แล้ววันนี้ที่ All Online by 7-Eleven เรามีโปรโมชันสุดคุ้มอีกมากมายเตรียมไว้เพื่อคุณโดยเฉพาะ และอย่าลืมมาช้อปกันนะ !
ลดแรง รับร้อน!!! All Online ห้างใกล้บ้าน check here!!

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15